
ภัยเงียบหลังน้ำลด: 5 โรคร้ายที่น้องหมาน้องแมวอาจกำลังเป็นอยู่ตอนนี้
น้ำลดแล้ว แต่อันตรายยังไม่หมด รู้ทัน 5 โรคที่มากับน้ำท่วม พร้อมวิธีดูแลน้องให้ปลอดภัย

น้ำลดแล้ว หลายบ้านเริ่มกลับเข้าบ้านได้ เริ่มทำความสะอาด เริ่มจัดของ...
แต่สำหรับคนที่มีน้องหมาน้องแมว งานยังไม่จบ
เพราะโรคร้ายหลายอย่างไม่ได้มาพร้อมน้ำท่วม แต่มาหลังน้ำลด
ช่วงสัปดาห์แรกหลังอพยพ หลังน้องต้องแช่น้ำสกปรก หลังต้องกินอาหารที่ไม่แน่ใจว่าสะอาดไหม นี่แหละช่วงที่ต้องจับตาดูน้องมากที่สุด
บทความนี้จะบอกให้ครบว่า อาการไหนต้องสังเกต อาการไหนรอได้ อาการไหนต้องพาไปหาหมอเดี๋ยวนี้
1. โรคฉี่หนู (Leptospirosis) - ตัวร้ายอันดับหนึ่ง
นี่คือโรคที่น่ากลัวที่สุดหลังน้ำท่วม เพราะติดได้ทั้งคนและสัตว์ และถ้าไม่รักษาทันอาจถึงชีวิต
ติดได้ยังไง?
น้ำท่วมพัดพาเอาฉี่ของหนู สุกร และสัตว์อื่นๆ มาปนเปื้อน เชื้อแบคทีเรียจะเข้าร่างกายผ่านรอยแผล รอยถลอก หรือผิวหนังที่แช่น้ำจนเปื่อย ที่น่าเป็นห่วงคือ เชื้อนี้มีชีวิตอยู่ในน้ำขังได้นานเป็นเดือน
อาการที่ต้องจับตา
น้องหมาน้องแมวจะเริ่มแสดงอาการหลังรับเชื้อประมาณ 4-12 วัน สังเกตดูว่ามีอาการเหล่านี้ไหม:
ซึมผิดปกติ ไม่ร่าเริงเหมือนก่อน
ไข้สูง ตัวร้อนกว่าปกติ
อาเจียน ไม่ยอมกินข้าว
ตัวเหลือง ตาเหลือง (อาการตับถูกทำลาย)
ปัสสาวะเป็นเลือด หรือไม่ปัสสาวะเลย
⚠️ ถ้าเห็นอาการพวกนี้ พาไปหาหมอทันที โดยเฉพาะถ้าน้องเพิ่งลุยน้ำท่วมมา อย่ารอดูอาการ
ป้องกันยังไง?
ห้ามให้น้องกินน้ำท่วมเด็ดขาด พกน้ำสะอาดไว้ให้เสมอ
ถ้าต้องลุยน้ำ รีบอาบน้ำสะอาดให้น้องทันทีหลังกลับมา
เช็คดูว่าน้องมีแผลหรือรอยถลอกไหม ถ้ามี ทำแผลให้สะอาด
สุนัขควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคฉี่หนูทุกปี (ถ้ายังไม่ได้ฉีด ปรึกษาสัตวแพทย์)
2. โรคผิวหนังอักเสบ เชื้อรา และ "น้ำกัด"
น้องหมาน้องแมวที่ต้องแช่น้ำนานๆ มักมีปัญหาผิวหนังตามมา โดยเฉพาะบริเวณฝ่าเท้า ซอกนิ้ว และท้องที่แช่น้ำสกปรกอยู่ตลอด
อาการที่ต้องสังเกต
เกาไม่หยุด โดยเฉพาะที่เท้าและท้อง
ขนร่วงเป็นหย่อมๆ หรือผิวแดงอักเสบ
มีกลิ่นเหม็น ผิดปกติ
เดินเจ็บ กระเผลก หรือไม่ยอมเดิน
ผิวหนังเปื่อย มีแผล โดยเฉพาะตามซอกเท้า
ต้องทำยังไง?
หลังลุยน้ำ รีบเช็ดตัวให้แห้ง โดยเฉพาะซอกเท้าและท้อง
ถ้าขนเปียก ต้องเป่าให้แห้งสนิท ความอับชื้นทำให้เชื้อราเติบโตเร็ว
ดูแผลที่เท้าดีๆ ถ้ามีแผล ล้างด้วยน้ำเกลือ หรือยาฆ่าเชื้อ
ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน หรือแผลลุกลาม ต้องพาไปหาหมอ
💡 เชื้อราแมวสามารถติดต่อมาสู่คนได้ ถ้าน้องแมวมีอาการขนร่วงเป็นวงๆ ควรระวังไม่ให้สัมผัสบริเวณนั้น และพาไปรักษาเร็ว
3. ท้องเสีย อาเจียน จากน้ำและอาหารปนเปื้อน
ช่วงน้ำท่วม แหล่งน้ำสะอาดหาได้ยาก อาหารที่เตรียมไว้อาจเปียกหรือเน่าเสีย น้องหมาน้องแมวอาจกินน้ำท่วมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว หรือกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
อาการที่ต้องจับตา
ถ่ายเหลว มากกว่า 2-3 ครั้งต่อวัน
อุจจาระมีมูกหรือเลือดปน
อาเจียนไม่หยุด มากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
ไม่ยอมกินอาหาร ซึมลง
ต้องทำยังไง?
งดอาหาร 6-12 ชั่วโมง แต่ให้ดื่มน้ำสะอาดได้ (อาจผสมเกลือแร่สำหรับสัตว์)
หลังงดอาหาร ให้เริ่มกินอาหารอ่อนย่อยง่าย แบ่งเป็นมื้อเล็กๆ หลายมื้อ
ห้ามให้ยาแก้ท้องเสียของคน เด็ดขาด อาจเป็นอันตราย
⚠️ ถ้าถ่ายเป็นเลือด อาเจียนไม่หยุด หรือซึมมาก ต้องพาไปหาหมอทันที อาจขาดน้ำรุนแรงจนอันตราย
4. ความเครียดและปัญหาพฤติกรรม
หลายคนอาจไม่คิดว่านี่คือ "โรค" แต่ความเครียดจากการอพยพ การเปลี่ยนสถานที่ การพลัดพรากจากบ้าน ส่งผลต่อสุขภาพน้องหมาน้องแมวได้มาก
โดยเฉพาะน้องแมวที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงมาก การย้ายที่อยู่ทำให้เครียดได้ง่าย
อาการที่ต้องสังเกต
ไม่ยอมกินอาหาร ทั้งที่ปกติกินดี
หลบซ่อน ไม่ยอมออกมา นานผิดปกติ
ก้าวร้าว หรือตกใจง่ายกว่าเดิม
เลียขนตัวเองมากเกินไป จนขนร่วงเป็นหย่อม
ร้องโหยหวน หรือทำเสียงผิดปกติ
ขับถ่ายนอกที่ ทั้งที่เคยทำถูกที่
ช่วยน้องได้ยังไง?
ให้พื้นที่ส่วนตัวที่เงียบและปลอดภัย
นำของใช้ที่มีกลิ่นคุ้นเคยมาด้วย เช่น ผ้าห่ม ของเล่น
อย่าบังคับให้น้องออกมาเล่นหรือสังคม ให้เวลาปรับตัว
พยายามรักษาตารางเวลาเดิมให้ได้มากที่สุด (เวลาให้อาหาร เวลาเดินเล่น)
อยู่เป็นเพื่อนน้องบ่อยๆ แต่ไม่ต้องเรียกร้องความสนใจ
💡 ถ้าอาการเครียดไม่ดีขึ้นหลังผ่านไป 1-2 สัปดาห์ หรือน้องยังไม่ยอมกินอาหาร ควรปรึกษาสัตวแพทย์ อาจต้องใช้วิธีช่วยเพิ่มเติม
5. โรคจากพยาธิและปรสิต
น้ำท่วมขัง = แหล่งเพาะพันธุ์ยุง และยุงก็พาเอาพยาธิหนอนหัวใจมาด้วย
นอกจากนี้ เห็บ หมัด และปรสิตอื่นๆ ก็ระบาดได้ง่ายในช่วงที่มีความชื้นสูง
อาการที่ต้องระวัง
พยาธิหนอนหัวใจ (อาการมักแสดงหลังติดเชื้อนานหลายเดือน):
ไอเรื้อรัง
หอบเหนื่อยง่าย
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
เห็บหมัด:
เกาตัวตลอดเวลา
ขนร่วง ผิวแดง
เห็นตัวเห็บหรือขี้หมัดบนตัวน้อง
ป้องกันยังไง?
ให้ยาป้องกันเห็บหมัดอย่างสม่ำเสมอ
ให้ยาป้องกันพยาธิหนอนหัวใจทุกเดือน (ถ้าอยู่ในพื้นที่เสี่ยง)
กำจัดแหล่งน้ำขังรอบบ้าน ลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
เบอร์ฉุกเฉินที่ควรบันทึกไว้
โรงพยาบาลสัตว์และหน่วยช่วยเหลือในภาคใต้:
คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.อ. 074-558-842
รพ.สัตว์เมตตา (สาขานิพัทธ์อุทิศ 3) 086-498-0469
รพ.สัตว์เมตตา (สาขาศุภสารรังสรรค์) 086-483-4036
มูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) 074-350-955 - ช่วยอพยพสัตว์เลี้ยง
สายด่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ 074-200-000
💡 โทรเช็คก่อนเดินทางเสมอ เพราะบางแห่งอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเช่นกัน
Checklist ดูแลน้องหลังน้ำท่วม
ใช้เช็คลิสต์นี้ดูแลน้องในช่วง 2 สัปดาห์หลังน้ำลด:
ทุกวัน:
[ ] สังเกตพฤติกรรมกินอาหาร กินปกติไหม?
[ ] เช็คอุจจาระ ปกติหรือถ่ายเหลว?
[ ] ดูผิวหนังและเท้า มีแผลหรือผื่นแดงไหม?
[ ] ให้น้ำสะอาดเพียงพอ
ทุกสัปดาห์:
[ ] ชั่งน้ำหนัก น้ำหนักลดผิดปกติไหม?
[ ] เช็คเห็บหมัด
[ ] สังเกตการหายใจ หอบหรือไอผิดปกติไหม?
หลังน้ำลด 2 สัปดาห์:
[ ] พาไปพบสัตวแพทย์ตรวจสุขภาพทั่วไป
[ ] ปรึกษาเรื่องวัคซีนและยาป้องกันพยาธิ
สิ่งที่ทำให้เราตกใจได้หลังน้ำลด
บางอาการอาจไม่แสดงทันที อาจผ่านไป 1-2 สัปดาห์แล้วค่อยเริ่มมีอาการ นี่คือสิ่งที่ต้องระวัง:
น้ำหนักลดทั้งที่กินปกติ
ดื่มน้ำมากผิดปกติ
ปัสสาวะบ่อยหรือน้อยกว่าปกติ
ไอเรื้อรังที่ไม่หาย
ถ้าเห็นอาการพวกนี้ อย่าคิดว่า "คงไม่เป็นไรหรอก" พาไปพบสัตวแพทย์ดีกว่า
การดูแลที่ดี เริ่มจากการสังเกต
ช่วงนี้หลายคนยุ่งกับการซ่อมแซมบ้าน จัดการข้าวของ และอีกร้อยแปดเรื่อง ทำให้อาจพลาดสังเกตอาการผิดปกติของน้อง
แต่การจับสังเกตเล็กๆ น้อยๆ ทุกวัน เช่น น้องกินข้าวหมดจานไหม วันนี้ถ่ายเหลวกว่าเมื่อวานไหม ขนตรงนี้ทำไมร่วง... สิ่งเหล่านี้อาจช่วยชีวิตน้องได้
การบันทึกอาการไว้ แม้จะเป็นแค่จดสั้นๆ ว่าวันนี้กินกี่กรัม น้ำหนักเท่าไหร่ มีอาการอะไรบ้าง จะช่วยให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดขึ้น และถ้าต้องพาไปพบหมอ ข้อมูลพวกนี้จะมีประโยชน์มาก
ช่วงเวลานี้หนักหนาสำหรับทุกคน ทั้งคนและน้องหมาน้องแมว แต่เราผ่านมันไปด้วยกันได้
Pawjai พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้การสังเกตอาการและบันทึกสุขภาพน้องหมาน้องแมวเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ปกติหรือหลังวิกฤต ลองบันทึกน้ำหนัก อาการ และพฤติกรรมของน้องทุกวัน แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดกว่าเดิม

Tags
- น้ำท่วม
- โรคหลังน้ำท่วม
- โรคฉี่หนู
- โรคผิวหนัง
- สุขภาพสัตว์เลี้ยง
Share this article
About the Author
เปเป้พอใจ
Pet care expert and veterinary advisor passionate about helping pet parents give their furry friends the best life possible.
Ready to track your pet's health?
Start using Pawjai today—free forever
Start FreeHappy pet, happy family